เรียนรู้เทคนิค SEO ด้วยการติดต่อ 75r: เคล็ดลับในการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ

เรียนรู้เทคนิค SEO ด้วยการติดต่อ 75r: เคล็ดลับในการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณ

สำหรับเจ้าของเว็บไซต์หรือผู้ที่มีความสนใจในการพัฒนาและปรับแต่งเว็บไซต์ของตนเพื่อให้ติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ เท่านั้นไม่ว่าจะเป็น Google, Bing, หรือ Yahoo ทำให้รู้ว่าเทคนิค SEO เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ในการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้เป็นกองหน้าในการแข่งขันในตลาดออนไลน์

ในบทความนี้เราจะเสนอ 75 คำแนะนำที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้ดีขึ้น และเพิ่มโอกาสในการทำงาน SEO อย่างมืออาชีพได้อีกเช่นกัน

1. เลือกชื่อโดเมนที่เหมาะสม: การเลือกชื่อโดเมนที่สอดคล้องกับเนื้อหาและกลุ่มเป้าหมายของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเหมาะสมกับการค้นหาเว็บไซต์ในเครื่องมือค้นหา ไม่ควรใช้ชื่อโดเมนที่ซ้ำซ้อนกับเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อป้องกันการสับสนกับผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

2. ใช้รูปแบบ URL เพื่อสร้างความคล้ายคลึง: การใช้รูปแบบ URL ที่สื่อถึงหน้าเว็บไซต์ของคุณเองจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจทันทีว่าเนื้อหาที่ได้รับจาก URL นั้นมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ

3. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ: เนื้อหาที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์จะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาพิจารณาถึงเว็บไซต์ของคุณอย่างสูง การเขียนเนื้อหาที่มีความรู้ความสามารถในหัวข้อที่เกี่ยวข้องและมีคำสำคัญที่ถูกต้องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา

4. ใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง: การใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและหัวข้อของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง อย่าลืมใช้คำสำคัญที่ถูกต้องในเนื้อหา, URL และแท็กของเว็บไซต์ของคุณ

5. สร้างและใช้แท็กเนื้อหาอย่างถูกต้อง: การใช้แท็กเนื้อหาที่ถูกต้องเช่น H1, H2, H3 เป็นต้นจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งานเข้าใจและเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

6. สร้างและใช้หมายเหตุ alt ในรูปภาพ: การใช้หมายเหตุ alt ในรูปภาพจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งานเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

7. สร้างส่วนหัวและเนื้อหาย่อย (subheading): การใช้หัวข้อย่อยในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

8. ใช้วิดีโอและแอนิเมชัน: การใช้วิดีโอและแอนิเมชันในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

9. สร้างลิงค์ภายใน: การสร้างลิงค์ภายในสามารถช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ

10. สร้างลิงค์ภายนอก: การสร้างลิงค์ภายนอกจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความน่าเชื่อถือและนำเสนอสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

11. ใช้ Meta tags: การใช้ Meta tags เช่น Meta description และ Meta keywords จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับหัวข้อใด

12. ใช้ Social media: การใช้ Social media เพื่อแชร์เนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

13. ทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้ง่าย: การทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและตรงประเด็น

14. ปรับแต่งเว็บไซต์สำหรับเครื่องมือค้นหา: การปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกับเครื่องมือค้นหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

15. ทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้บนทุกอุปกรณ์: การทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าถึงได้บนทุกอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์, แท็บเล็ต, และโทรศัพท์มือถือจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่าย

16. รับรีวิวและคำแนะนำ: การรับรีวิวและคำแนะนำจากผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาจะช่วยปรับปรุงเนื้อหาและปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณเพื่อสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

17. ติดต่อเว็บมาสเตอร์ระบบการค้นหา: การติดต่อเว็บมาสเตอร์ระบบการค้นหาเพื่อขอคำแนะนำและการสนับสนุนในการปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน SEO

18. สร้างระบบการลิงก์: การสร้างระบบการลิงก์ที่เข้าถึงได้ง่ายและน่าสนใจในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและตรงประเด็น

19. ให้ความสำคัญกับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์: การให้ความสำคัญกับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ไวและสะดวกสบาย

20. ใช้ชื่อไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา: การใช้ชื่อไฟล์ที่สื่อถึงเนื้อหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

21. ทำให้ตัวหนังสือขนาดใหญ่เพียงพอ: การทำให้ตัวหนังสือในเนื้อหาของคุณมีขนาดใหญ่โดยพอจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและอ่านเนื้อหาของคุณได้ง่าย

22. ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมือถือออพติเมส (mobile-friendly): การทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมือถือออพติเมสจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

23. ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็น SSL (Secure Socket Layer): การทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็น SSL จะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาในการสื่อสารกับเว็บไซต์ของคุณ

24. ตรวจสอบความถูกต้องของโครงสร้างข้อมูล: การตรวจสอบความถูกต้องของโครงสร้างข้อมูลของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและอ่านเนื้อหาของคุณได้ง่าย

25. เชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง: การเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

26. ให้ความสำคัญกับการใช้คำใกล้เคียง: การให้ความสำคัญกับคำใกล้เคียงของคำสำคัญในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

27. ใช้เนื้อหาเสริม: การใช้เนื้อหาเสริมเช่น infographics, slideshows, และ quizzes จะช่วยให้เนื้อหาของคุณเป็นประโยชน์และน่าสนใจกับผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

28. ใช้คำสั่งการค้นหาในเว็บไซต์: การใช้คำสั่งการค้นหาในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

29. ทำให้เนื้อหาของคุณใช้รูปแบบเป็นรายการ: การทำให้เนื้อหาของคุณใช้รูปแบบเป็นรายการจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและตรงประเด็น

30. รักษาเนื้อหาให้เป็นปัจจุบัน: การรักษาเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันโดยตลอดจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้และเป็นปัจจุบัน

31. ตรวจสอบการใช้คำสำคัญ: การตรวจสอบการใช้คำสำคัญในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

32. ใช้การผสมผสานของเนื้อหาโดยใช้คำสำคัญและคำอธิบาย: การใช้การผสมผสานของเนื้อหาโดยใช้คำสำคัญและคำอธิบายจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

33. จัดลำดับคำสำคัญ: การจัดลำดับคำสำคัญในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

34. ใช้ความพิเศษ: การใช้ความพิเศษเช่นตัวหนา, ตัวเอียง, และขีดเส้นใต้ในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

35. ตรวจสอบความถูกต้องของคำสะกด: การตรวจสอบความถูกต้องของคำสะกดในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่ถูกต้องของคุณ

36. สร้างและใช้ LSI keywords: การสร้างและใช้ LSI keywords (Latent Semantic Indexing) จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

37. สร้างและใช้ทางเลือกของคำสำคัญ: การสร้างและใช้ทางเลือกของคำสำคัญในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

38. ให้ความสำคัญกับการใช้คำสั่งการค้นหาภายในเว็บไซต์: การให้ความสำคัญกับการใช้คำสั่งการค้นหาภายในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

39. ทำให้เนื้อหาของคุณมีรูปแบบเป็นคำถาม: การทำให้เนื้อหาของคุณมีรูปแบบเป็นคำถามจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

40. สร้างเนื้อหาที่เป็นไปได้: การสร้างเนื้อหาที่เป็นไปได้จะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

41. ใช้การเชื่อมโยงโดยกลุ่มเป้าหมาย (anchor text): การใช้การเชื่อมโยงโดยกลุ่มเป้าหมาย (anchor text) จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

42. ตั้งชื่อรูปภาพให้สื่อความหมาย: การตั้งชื่อรูปภาพให้สื่อความหมายจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

43. ตรวจสอบการใช้งานการ์ดรูปภาพ: การตรวจสอบการใช้งานการ์ดรูปภาพในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

44. ใช้การเชื่อมโยงป้องกัน (no-follow) สำหรับลิงค์ที่ไม่ต้องการทราบเนื้อหาของคุณ: การใช้การเชื่อมโยงป้องกัน (no-follow) สำหรับลิงค์ที่ไม่ต้องการทราบเนื้อหาของคุณจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาไม่เชื่อมโยงเนื้อหาที่ไม่จำเป็นของคุณ

45. ใช้คำอธิบายในแท็ก title ของลิงค์: การใช้คำอธิบายในแท็ก title ของลิงค์จะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

46. สร้างและใช้การเชื่อมโยงภายนอก: การสร้างและใช้การเชื่อมโยงภายนอกจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องจะช่วยให้เครื่องมือค้นหาเชื่อมโยงเนื้อหาของคุณ

47. ใช้การเชื่อมโยงภายใน: การใช้การเชื่อมโยงภายในสำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวข้องกับคำใดบ้าง

48. ใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่าย: การใช้โค้ดที่เข้าถึงได้ง่ายจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

49. ปรับแต่งเทมเพลตสำหรับเครื่องมือค้นหา: การปรับแต่งเทมเพลตสำหรับเครื่องมือค้นหาเพื่อให้เว็บไซต์ของคุณเหมาะสมกับการค้นหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

50. ให้ความสำคัญกับการใช้งานอัตราการลิงก์ภายใน: การให้ความสำคัญกับการใช้งานอัตราการลิงก์ภายในบนเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหา

51. แนะนำโดยผู้ใช้งาน: การแนะนำโดยผู้ใช้งานจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับความนิยมและรู้จักมากขึ้นในวงกว้าง

52. พัฒนาการเชื่อมโยง: การพัฒนาการเชื่อมโยงกับเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง

53. สร้างเนื้อหาชุด: การสร้างเนื้อหาชุดเช่นบทความหรือสารคดีจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

54. ใช้สิ่งที่เรียกว่า “rich snippets”: การใช้สิ่งที่เรียกว่า “rich snippets” เช่นรีวิวหรือตัวอย่างภาพในผลการค้นหาจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

55. ใช้คำบรรยายที่ถูกต้อง: การใช้คำบรรยายที่ถูกต้องในเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

56. ใช้การรีไดเร็กทอรี: การใช้การรีไดเร็กทอรีเพื่อเรียนรู้และปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง

57. อัปเดตและกระจายเนื้อหาของคุณ: การอัปเดตและกระจายเนื้อหาของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเรียนรู้และเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

58. ใช้เครื่องมือค้นหาสำหรับผู้ใช้งาน: การใช้เครื่องมือค้นหาสำหรับผู้ใช้งานในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและตรงประเด็น

59. ส่งบทความของคุณไปยังเว็บไซต์อื่น: การส่งบทความของคุณไปยังเว็บไซต์อื่นจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้อง

60. ใช้คำสั่งการค้นหาภายในบนเว็บไซต์ของคุณ: การใช้คำสั่งการค้นหาภายในบนเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

61. ใช้งานเครื่องมือค้นหาที่อัจฉริยะ: การใช้งานเครื่องมือค้นหาที่อัจฉริยะในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานพบเนื้อหาที่สนใจได้อย่างรวดเร็ว

62. เก็บข้อมูลจากผู้ใช้งาน: การเก็บข้อมูลจากผู้ใช้งานจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมและความต้องการของผู้ใช้งาน

63. ใช้การติดตามและวิเคราะห์ผลการค้นหา: การติดตามและวิเคราะห์ผลการค้นหาจะช่วยให้คุณเข้าใจและปรับแต่งเนื้อหาและเว็บไซต์ของคุณให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหา

64. ใช้เครื่องมือวัดยังคุณภาพของเว็บไซต์: การใช้เครื่องมือวัดยังคุณภาพของเว็บไซต์จะช่วยให้คุณทราบถึงปัจจัยที่ได้มีผลต่อการทำงาน SEO ของเว็บไซต์ของคุณ

65. สร้างและใช้งาน Sitemap: การสร้างและใช้งาน Sitemap จะช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้อย่างรวดเร็ว

66. รีบแก้ไขข้อผิดพลาดบนเว็บไซต์ของคุณ: การรีบแก้ไขข้อผิดพลาดบนเว็บไซต์ของคุณจะช่วยป้องกันการเสียโอกาสทาง SEO

67. ใช้อันดับคำสำคัญโดยตรง: การใช้อันดับคำสำคัญโดยตรงจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเน้นเนื้อหาที่สำคัญของคุณ

68. ใช้การวิเคราะห์ที่รวดเร็ว: การใช้การวิเคราะห์ที่รวดเร็วจะช่วยให้คุณปรับปรุงเนื้อหาและเว็บไซต์ของคุณได้อย่างรวดเร็ว

69. สร้างและใช้งาน Robots.txt: การสร้างและใช้งาน Robots.txt จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารู้ว่าเว็บไซต์ของคุณมีเนื้อหาที่ควรทำการค้นหาหรือไม่

70. ให้เนื้อหาที่มีความปากต่อปาก: การให้เนื้อหาที่มีความปากต่อปากจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เนื้อหาของคุณได้ง่าย

71. ใช้คำอธิบายในแท็ก alt ของรูปภาพ: การใช้คำอธิบายในแท็ก alt ของรูปภาพจะช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหาของคุณ

72. สร้างและใช้งานระบบการค้นหาด้วยแถบ: การสร้างและใช้งานระบบการค้นหาด้วยแถบในเว็บไซต์ของคุณจะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่ายและสะดวกสบาย

73. ตรวจสอบการทำงานสล็อตSEO ของคู่แข่ง: การตรวจสอบการทำงาน SEO ของคู่แข่งจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้และปรับปรุงเนื้อหาและเว็บไซต์ของคุณเพื่อแข่งขันในตลาด

74. หากมีอะไรผิดพลาดในเว็บไซต์ของคุณ แก้ไขได้อย่างรวดเร็ว: หากมีข้อผิดพลาดในเว็บไซต์ของคุณการแก้ไขได้อย่างรวดเร็วจะช่วยป้องกันไม่ให้ทราบถึงข้อผิดพลาดที่มีส่วนกระทบต่อการทำงาน SEO

75. ยึดมั่นในการปรับปรุง: ท้าทายในการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน SEO จะได้สิ่งสำคัญและเป็นประโยชน์สูงสุดในระยะยาว

โดยผ่านการปฏิบัติตามคำแนะนำข้างต้นมา คุณสามารถเรียนรู้เทคนิค SEO ได้อย่างมืออาชีพ และให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหาที่สำคัญอย่าง Google โดยเฉพาะ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *